ข้อมูลทั่วไป
เมืองหลวงสิงคโปร์
ที่ตั้ง เป็นเกาะ (island city-state) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของคาบสมุทรมาเลย์ (ห่างจากคาบสมุทรประมาณ 137 กิโลเมตร) ทิศเหนือติดกับรัฐยะโฮร์ มาเลเซีย (Johor Bahru) ทิศตะวันออก ติดทะเลจีนใต้ ทิศตะวันตกติดมาเลเซียและช่องแคบมะละกา ทิศใต้ติดช่องแคบมะละกา ใกล้กับเกาะเรียล (Riau) ของอินโดนีเซีย
พื้นที่4 ตารางกิโลเมตร (ประมาณเกาะภูเก็ต)
ประชากร 5.31 ล้านคน
ศาสนา พุทธ (ร้อยละ 42.5) อิสลาม (ร้อยละ 14.9) คริสต์ (ร้อยละ 14.6) ฮินดู (ร้อยละ 4) ไม่นับถือศาสนา (ร้อยละ 25)
ภาษาราชการ อังกฤษ จีน มลายูและทมิฬ
ประมุข นายเอส อาร์ นาธาน (2542-ปัจจุบัน) ประธานาธิบดี
ผู้นำรัฐบาล นายลี เซียน ลุง (2547-ปัจจุบัน) นายกรัฐมนตรี
รูปแบบการปกครอง ระบอบสาธารณรัฐแบบรัฐสภา (Parliamentary Parliament) มีสภาเดียว (Unicameral parliament) มีประธานาธิบดีเป็นประมุขของรัฐ (วาระ 6 ปี) และนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำรัฐบาล/หัวหน้าฝ่ายบริหาร (วาระ 5 ปี)
วันชาติ 9 สิงหาคม (แยกตัวจากสหพันธรัฐมาเลเซีย เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2508)
วันสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทย 20 กันยายน 2508
เงินตรา ดอลลาร์สิงคโปร์
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ 259.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายได้ประชาชาติต่อหัว 50,123 ดอลลาร์สหรัฐ
การขยายตัวทางเศรษฐกิจ ร้อยละ 4.9
สินค้าส่งออก เครื่องจักรกล เครื่องไฟฟ้า เคมีภัณฑ์ เสื้อผ้า
สินค้านำเข้า เครื่องจักรกล ชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า น้ำมันดิบ เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์อาหาร
การเมืองการปกครอง
ประเทศสิงคโปร์มีการปกครองระบอบสาธารณรัฐแบบรัฐสภา (Parliamentary Parliament) มีสภาเดียว (Unicameral parliament) มีประธานาธิบดีเป็นประมุขของรัฐ (วาระ 6 ปี) และนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำรัฐบาล/หัวหน้าฝ่ายบริหาร (วาระ 5 ปี) สิงคโปร์มีเสถียรภาพและความต่อเนื่องทางการเมืองโดยมีรัฐบาลภายใต้การนำของพรรค People’s Action Party (PAP) มาโดยตลอดนับตั้งแต่แยกตัวออกจากมาเลเซียเมื่อปี 2508 เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2547 นายลี เซียน ลุง รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและประธานธนาคารกลาง (บุตรของนายลี กวน ยู อดีตนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์)ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่สามของสิงคโปร์ สืบแทนนายโก๊ะ จ๊ก ตง (ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอาวุโส
- นโยบาย
เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2548 นายลี เซียน ลุงได้กล่าวถ้อยแถลงต่อประชาชนในโอกาสวันชาติสิงคโปร์ (National Day Rally Speech) โดยได้ระบุถึงทิศทางในการพัฒนาประเทศและการดำเนินนโยบายต่างประเทศ โดยในด้านการต่างประเทศนั้น สิงคโปร์จะให้ความสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์กับประเทศอาเซียน (โดยเฉพาะมาเลเซียและอินโดนีเซีย) รวมทั้งกับประเทศมหาอำนาจสำคัญๆ ได้แก่ สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น อินเดีย สหภาพยุโรปและออสเตรเลีย นอกจากนั้น จะให้ความสำคัญกับการรวมตัวทางเศรษฐกิจของอาเซียน และการแก้ไขปัญหาการก่อการร้าย สำหรับนโยบายภายในประเทศ สิงคโปร์จะมุ่งเน้นเรื่องการปรับตัวทางเศรษฐกิจเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก (remake Singapore) โดยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมนวัตกรรม การประกอบการ การวิจัยและการพัฒนา (innovation, enterprise and R&D) สำหรับด้านสังคม จะให้ความสำคัญกับการขยายโอกาสทางการศึกษาให้กับประชาชน การดูแลคนชราและผู้ที่มีรายได้ต่ำ รวมทั้งการส่งเสริมวัฒนธรรมด้านบริการเพื่อให้สิงคโปร์มีลักษณะของเมืองที่มีความเป็นสากล
การเปิดกว้างทางสังคม
นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ได้ย้ำในหลายโอกาสว่าประสงค์ที่จะพัฒนาสิงคโปร์ให้เป็นสังคมที่โปร่งใสและเปิดกว้างมากขึ้น (a more transparent and open society) โดยจะดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทั้งนี้ โดยคำนึงถึงค่านิยมที่เป็นคุณลักษณะเฉพาะของประเทศ (อาทิ การเป็นพหุสังคมที่มีความแตกต่างด้านเชื้อชาติและศาสนา) มากกว่าการนำระบบเสรีนิยมประชาธิปไตยของตะวันตกมาปรับใช้ อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองสิงคโปร์เห็นว่าประเด็นเรื่องศาสนาและความแตกต่างทางเชื้อชาติเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนในสังคมสิงคโปร์
- ด้านเศรษฐกิจด้านการค้าในปี ๒๕๕๔ สิงคโปร์เป็นคู่ค้าสำคัญอันดับ ๕ ของไทย (รองจากญี่ปุ่น จีน สหรัฐฯและมาเลเซีย) ไทยเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับ ๙ ของสิงคโปร์ โดยการค้ารวมมีมูลค่า ๑๙,๒๓๗.๓๘ ล้านเหรียญสหรัฐ (๕๘๒,๓๙๓.๘๖ ล้านบาท) ไทยส่งออก ๑๑,๔๕๐.๐๙ ล้านดอลลาร์สหรัฐ (๓๔๔,๗๘๑.๖๘ ล้านบาท) ไทยนำเข้า ๗,๗๘๗.๒๙ ล้านดอลลาร์สหรัฐ (๒๓๗,๖๑๒.๒๑ ล้านบาท) โดยไทยได้ดุลการค้า ๓,๖๖๒.๘๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ (๑๐๗,๑๖๙.๔๗ ล้านบาท)(มูลค่าการค้ารวมเพิ่มขึ้นจากปี ๒๕๕๓ มูลค่า ๓,๙๓๔.๘ ล้านดอลลาร์สหรัฐ (๙๕,๓๐๙.๕๘ ล้านบาท) และไทยได้ดุลการค้าเพิ่มขึ้น ๙๔๖.๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ (๒๓,๘๗๙.๔๙ ล้านบาท))
สินค้าส่งออกจากไทยที่สำคัญ ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ส่วนประกอบอากาศยานและอุปกรณ์การบิน เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล เคมีภัณฑ์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่น ๆ และน้ำมันดิบ สินค้าที่ไทยนำเข้าจากสิงคโปร์ ได้แก่ เคมีภัณฑ์ เรือและสิ่งก่อสร้างลอยน้ำ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า น้ำมันสำเร็จรูป เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ กระดาษ และผลิตภัณฑ์กระดาษ พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช เครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์การแพทย์ด้านการลงทุน ในปี ๒๕๕๔ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้อนุมัติ ๕๘ โครงการ คิดเป็นมูลค่าการลงทุนรวม ๒๕,๑๗๕.๙ ล้านบาท ส่วนใหญ่อยู่ในสาขาอิเล็กทรอนิกส์และผลิตภัณฑ์ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์โลหะและเครื่องจักร การบริการ เคมีภัณฑ์และกระดาษ การเกษตรด้านการท่องเที่ยว ในปี ๒๕๕๔ มีนักท่องเที่ยวสิงคโปร์มาไทยจำนวน ๖๗๐,๑๔๘ คน ซึ่งมีอัตราเพิ่มขึ้นจากจำนวนชาวสิงคโปร์ที่เดินทางมาไทยในปี ๒๕๕๓ (จำนวน ๕๗๖,๒๕๙ คน) ร้อยละ ๑๑.๐๔ด้านแรงงาน สิงคโปร์เป็นตลาดสำคัญของแรงงานไทยในลำดับสองรองจากไต้หวัน โดยในปี ๒๕๕๓ มีแรงงานไทยทั้งประเภทมีฝีมือและไม่มีฝีมือในสิงคโปร์ประมาณ ๓๓,๐๐๐ คน มีบริษัทที่ว่าจ้างแรงงานไทย ๒๘๑ บริษัทในสาขาการก่อสร้าง อู่ต่อเรือ และปิโตรเคมี