มาลองตรวจสอบดูว่าพื้นที่สำนักงาน แต่ละชนิดนั้นแตกต่างกันอย่างไร?
- Home Office,
- Conventional Office (พื้นที่ว่างบนอาคารสำนักงาน )
- Serviced Office (ออฟฟิศสำเร็จรูป)
Home Office หรือสิ่งปลูกสร้างสำหรับใช้เป็นที่อยู่อาศัย และเป็นออฟฟิศด้วยในอาคารเดียวกัน โดยปกติมักอยู่ในรูปของ อาคาร Stand-Alone , อาคารพาณิชย์, ทาวเฮ้าส์
ข้อดี
- สามารถใช้เป็นที่อยู่อาศัยและเป็นสำนักงานไปด้วยในอาคารเดียว
- ยืดหยุ่นเพราะส่วนใหญ่เป็นการเช่าแบบผู้เช่าเดียว ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีกฎเกณฑ์ข้อบังคับเหมือนการอยู่รวมกันบนอาคารสำนักงาน เปรียบเสมือนอยู่บ้านเดียวกับอยู่คอนโดมิเนียม
- ปกติแล้วจะไม่มีค่าส่วนกลาง
- เป็นส่วนตัว ยืดหยุ่นต่อการตกแต่งต่อเติม
- โดยปกติแล้ว ราคาต่อตารางเมตรถูกที่สุดเนื่องจากไม่มีสาธารณูปโภคส่วนกลาง
- โดยปกติ จะมีความยืดหยุ่นในการต่อรองราคาและ เงื่อนไขการเช่า เนื่องจากผู้ให้เช่าส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นมืออาชีพด้านอสังหาริมทรัพย์
ข้อเสีย
- โดยปกติมักถูกมองว่ามีภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือและความเป็นทางการน้อยกว่าอาคารสำนักงาน ยกเว้น Home Office standalone ขนาดใหญ่ ที่มีการตกแต่งสวยงามมากๆ
- หาทำเลที่ใกล้รถไฟฟ้า หรืออยู่ใจกลางเมืองได้ยากหรือมีราคาแพง เนื่องจากปกติที่ดินในย่านธุรกิจใกล้รถไฟฟ้าส่วนใหญ่ถูกพัฒนาเป็นอาคารสูง เพื่อให้คุ้มค่ากับราคาที่ดินไปหมดแล้ว ดังนั้น home office ส่วนใหญ่จึงอยู่ไกลจากรถไฟฟ้า อยู่ในตรอกซอกซอย หรือนอกเขตธุรกิจ
- ต้องดูแลค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาอาคารทั้งภายนอกและภายใน บริเวณรอบอาคาร และความปลอดภัยเองทั้งหมด
- เสียค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ในการ ตกแต่งจัดหาเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์สำนักงานเองทั้งหมดในช่วงเริ่มต้น
- ในขณะที่ข้อดีคือการยืดหยุ่นต่อการตกแต่งต่อเติมพื้นที่ ในขณะเดียวกันหลายครั้งก็เป็นข้อจำกัดเนื่องจากอาคารประเภทนี้มักมีการกั้นห้องตามโครงสร้างดั้งเดิมอยู่แล้วซึ่งผู้ใช้เช่าส่วนใหญ่ ไม่ยินยอมให้ทำลายหรือเปลี่ยนแปลง ดังนั้น จึงอาจไม่เหมาะกับการใช้งานหรือจำนวนคนในบริษัท
- ไม่มีสาธารณูปโภคส่วนกลาง ทำให้ต้องพึ่งพาสาธารณูปโภคจากสิ่งแวดล้อม พื้นที่ใกล้เคียงทั้งหมด
- ในขณะที่ข้อดีคือความยืดหยุ่นของผู้ให้เช่าเนื่องจากไม่ได้เป็นผู้ให้เช่ามืออาชีพในวงการอสังหาฯ หลายครั้งก็เกิดปัญหาจากผู้ให้เช่าที่ไม่มีความเป็นมืออาชีพที่ไม่เคารพกฎเกณฑ์ที่ตกลงกัน และเรียกร้องสร้างเงื่อนไขจุกจิก
Conventional Office หรือ พื้นที่ว่างบนอาคารสำนักงาน ( ปกติจะ เป็นพื้นที่ว่าง พื้นเป็นคอนกรีต มีฝ้าเพดานแบบ T-Bar ให้ )
ข้อดี
- สามารถตกแต่งจัดสรรพื้นที่ให้เป็นตามความต้องการของตัวเองมากที่สุดใน 3 ประเภท
- ผู้ให้เช่าเป็นฝ่ายดูแลรักษาพื้นที่ส่วนกลางเช่นโถงลิฟต์ พื้นที่บริเวณโดยรอบอาคาร ลานจอดรถ ภายนอกอาคาร เป็นต้น
- อาคารสำนักงานส่วนใหญ่มักมีทีมบริหารอาคารที่เป็นมืออาชีพ ทำให้สภาพส่วนต่างๆของอาคารอยู่ในสภาพดีอยู่เสมอ และมีการรักษาความปลอดภัย กล้องวงจรปิด และระบบตรวจสอบผู้ผ่านเข้า – ออกจากอาคาร (ขึ้นอยู่กับแต่ละอาคาร )
- มีภาพลักษณ์ของบริษัทที่มั่นคง โดยเฉพาะถ้าอยู่ในอาคารที่เป็นเกรด A
- มีสาธารณูปโภคส่วนกลาง เช่นลานจอดรถ ศูนย์อาหาร บริเวณร้านค้าปลีก เป็นต้น (ขึ้นอยู่กับแต่ละอาคาร )
- อัตราค่าเช่าเฉลี่ยต่อคนถือว่าถูกกว่าการเช่าออฟฟิศสำเร็จรูป หรือServiced office ( คำณวณเฉพาะอัตราค่าเช่า ไม่นับรวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ )
ข้อเสีย
- เสียค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ในการ ตกแต่งจัดหาเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์สำนักงานเองทั้งหมดในช่วงเริ่มต้น
- มีข้อจำกัดในการทำกิจกรรมบางอย่างที่รบกวนผู้เช่ารายอื่น เนื่องจากมีผู้เช่าหลากหลายอยู่ในอาคารเดียวกัน
- ระยะเวลาของสัญญาตามมาตรฐาน 3 ปี ซึ่งถึงแม้จะสามารถตกลงกับผู้ให้เช่าขอทำสัญญาระยะสั้นได้ แต่ผู้ให้เช่ามักคิดราคาแพงขึ้นเพื่อชดเชยระยะสัญญาที่สั้นลง
- ต้องดูแลรักษาภายในพื้นที่เช่าเอง
- มีข้อจำกัด และกฎระเบียบที่ต้องปฏิบัติตามขึ้นอยู่กับผู้ให้เช่าของแต่ละอาคาร ทำให้บางครั้งขาดความเป็นอิสระ
- สำหรับบริษัทขนาดเล็ก ต้องเช่าพื้นที่เผื่อสำหรับบริเวณต้อนรับแขก ห้องประชุม, ฯลฯ เอง ถึงแม้พื้นที่เหล่านั้นจะไม่ได้มีการใช้ประโยชน์เท่าที่ควรก็ตาม
- ผู้เช่าเป็นผู้จ่ายค่าสาธารณูปโภคเอง ขึ้นอยู่กับการใช้งานจริง
Serviced Office ออฟฟิศสำเร็จรูป
ข้อดี
- ผู้ให้เช่าเป็นฝ่ายดูแลรักษาพื้นที่ส่วนกลางเช่นโถงลิฟต์ พื้นที่บริเวณโดยรอบอาคาร ลานจอดรถ ภายนอกอาคาร ฯลฯ และผู้ให้บริการฯ เป็นผู้ดูแลภายในพื้นที่เช่าทั้งหมด ดังนั้นผู้เช่าจึงไม่มีภาระหรือค่าใช้จ่ายอื่นใดในการบำรุงรักษาสำนักงานเลย
- ค่าสาธารณูปโภคคิดรวมอยู่ในค่าเช่ารายเดือนแล้ว
- มี Setup cost หรือ ค่าใช้จ่ายเก้อนแรกมื่อรับพื้่นที่ต่ำมาก เนื่องจากผู้ให้บริการจัดเตรียมสายโทรศัพท์ อินเตอร์เน็ต และการตกแต่งพื้นที่ รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์ไว้พร้อมแล้ว
- Startup time หรือระยะเวลาในการเริ่มใช้พื้นที่ต่ำมาก โดยปกติ สามารถเข้าทำงานหลังเซ็นสัญญาได้เลย
- ไม่ต้องเช่าพื้นที่เผื่อสำหรับการใช้งานที่เป็นครั้งคราว เช่น บริเวณรับแขกและโต๊ะพนักงานต้อนรับ หรือห้องประชุม ฯลฯ
- มีความยืดหยุ่นและเปิดรับการทำสัญญาระยะสั้นแบบเดือนต่อเดือน หรือราย 3 เดือน, 6 เดือน , 1 ปี หรือความยาวสัญญาแบบปกติที่ 3 ปีก็ได้
- ออฟฟิศสำเร็จรูปส่วนใหญ่มักอยู่ในอาคารที่อยู่ในทำเลระดับเกรด A มีการเดินทางสะดวกสบาย ใกล้รถไฟฟ้า มีสาธารณูปโภคครบครัน
- อาคารสำนักงานส่วนใหญ่มักมีทีมบริหารอาคารที่เป็นมืออาชีพ ทำให้สภาพส่วนต่างๆของอาคารอยู่ในสภาพดีอยู่เสมอ และมีการรักษาความปลอดภัย กล้องวงจรปิด และระบบตรวจสอบผู้ผ่านเข้า – ออกจากอาคาร (ขึ้นอยู่กับแต่ละอาคาร )
- มีภาพลักษณ์ของบริษัทที่มั่นคง โดยเฉพาะถ้าอยู่ในอาคารที่เป็นเกรด A
- มีสาธารณูปโภคส่วนกลาง เช่นลานจอดรถ ศูนย์อาหาร บริเวณร้านค้าปลีก เป็นต้น (ขึ้นอยู่กับแต่ละอาคาร)
ข้อเสีย
- ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการตกแต่งได้เลย หรือมีข้อจำกัดมากในการเปลี่ยนแปลงตกแต่งสิ่งติดตรึงเข้ากับพื้นที่เช่า
- ผู้ให้บริการบางรายคิดค่าใช้จ่ายซับซ้อนและจุกจิก ทำให้ต้องใช้ความระมัดระวังในการเลือกผู้ให้บริการ
- อัตราค่าเช่าเฉลี่ยต่อหัวสูงกว่าการเช่าพื้นที่ว่างในอาคารสำนักงานปกติ ไม่เหมาะสำหรับบริษัทที่มีพนักงานเยอะเกินกว่า 10 คนขึ้นไป
- การใช้งานอุปกรณ์สำนักงานส่วนกลางเช่นเครื่องถ่ายเอกสาร หรือเครื่องพิมพ์จะมีราคาสูงกว่าปกติเนื่องจากผู้ให้บริการจะคิดกำไรจากบริการดังกล่าว (สามารถแก้ไขได้โดยนำอุปกรณ์มาเอง สำหรับผู้ที่มีการใช้งานมาก )
- มีข้อจำกัดในการทำกิจกรรมบางอย่างที่รบกวนผู้เช่ารายอื่น เนื่องจากมีผู้เช่าหลากหลายอยู่ในอาคารเดียวกัน
- มีข้อจำกัด และกฎระเบียบที่ต้องปฏิบัติตามขึ้นอยู่กับผู้ให้เช่าของแต่ละอาคาร ทำให้บางครั้งขาดความเป็นอิสระ
- สำหรับบริษัทขนาดเล็ก ต้องเช่าพื้นที่เผื่อสำหรับบริเวณต้อนรับแขก ห้องประชุม, ฯลฯ เอง ถึงแม้พื้นที่เหล่านั้นจะไม่ได้มีการใช้ประโยชน์เท่าที่ควรก็ตาม